บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ Talk

เลิกเถอะคุณครู! ยึดของเล่นเด็กแล้วมาทำลาย

รูปภาพ
Photo by brother's photo from Pexels เลิกเถอะคุณครู! กับการที่ยึดของเล่นเด็กนักเรียนเอามาทำลาย ในชีวิตของครูโจโจ้ ก็เคยฝังใจกับการลงโทษแบบนี้  แม้ว่าจะไม่โดยตรงกับตัวเองก็ตาม เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อสมัยเรียนอยู่ชั้น ป.5  เพื่อนๆ ของครูโจโจ้สมัยนั้นรักการเล่นปิงปองเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ด้วยความเด็ก ก็อาจจะเล่นเพลินไป ยังควบคุมเวลาไม่เป็น  ทำให้เข้าห้องเรียนสายบ้าง (ย้ำว่า "บ้าง"  ไม่ใช่ทุกวัน)  วันนั้นครูภาษาไทย และ เป็นครูประจำชั้นด้วย ไม่รู้ไปโกรธใครมา พอขานชื่อนักเรียน พบว่าเพื่อนๆ กลุ่มนั้นยังไม่เข้าห้องเรียน  ก็โกรธสุดขีด เป็นฟืนเป็นไฟ และบอกจะรอจนกว่าสามคนนี้เข้าห้อง ไม่นาน ทั้งสามก็ยืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าที่โชกไปด้วยเหงื่อ และเสื้อก็ชุ่มราวกับเดินฝ่าฝนมา จะพูดว่า "ขออนุญาตเข้าห้องครับ" ยังไม่เป็นคำ  เพราะเหนื่อยหอบกับการวิ่งมาจากโต๊ะปิงปองที่อยู่หน้าโรงเรียน มาถึงอาคารเรียนที่อยู่จะเกือบประตูหลังโรงเรียน หนำซั้ำห้องเรียนยังอยู่ที่ชั้น 3 อีก  คุณครูคนดังกล่าวก็ทำหน้าถมึงทึง และสายตาที่จ้องหน้า ที่สัมผัสได้ถึงความอาฆาตแค้น ราวกับหนังฆาตกรรม  จากนั้นก็แผดเส

คิดถึงครูอนุบาลกันนะ

รูปภาพ
จากที่ขลุกตัวเอง อยู่ในวงการปฐมวัยมาได้ระยะหนึ่ง  อยากจะบอกว่า ครูอนุบาลทุ่มเทมากๆ นะ  ครูมัธยมยังมีเวลาพัก  แต่ครูอนุบาลต้องอยู่กับนักเรียนตลอดเวลา  เมื่อถึงเวลาจบการศึกษา นักเรียนใส่ชุดครุยมาถ่ายรูปที่โรงเรียนเก่า  เรามักจะคิดถึงแต่ครู ม.ปลาย เป็นส่วนใหญ่  ซึ่งความจริงแล้วพื้นฐานของจิตใจเรา ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่วัยอนุบาลเลยนะ  ก็จะมาบอกว่า  กลับไปหาครูอนุบาลให้ท่านชื่นใจบ้างเด้อ ครูโจโจ้ 🧡  www.krujojotalk.com   ก ดติดตามได้ที่ด้านบนของ Blogger หรือช่องทางต่อไปนี้ 💙  www.facebook.com/krujojotalk 💗  http://www.youtube.com/c/KruJOJOTalkchannel ✍ สนใจเรียนภาษาอังกฤษ online ได้ที่  https://www.facebook.com/engkrujojo

ประสบการณ์ศึกษาดูงานที่ครัวกลางของ MK

รูปภาพ
คณะผู้บริหารสังกัดพันธกิจการศึกษา สภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้มีโอกาสศึกษาดูงาน ณ บริษัทเอ็ม เค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2020 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ exclusive มากๆ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะสามารถเข้าไปศึกษาดูงานในองค์กรระดับสากลแบบนี้ได้ ยิ่งคนในวงการศึกษาระดับโรงเรียนแบบนี้ นับว่าเป็นประสบการ์ณที่หายากมากๆ ในชีวิตของครูคนหนึ่ง หรือแม้จะเป็นผู้อำนวยการก็ตาม ครูโจโจ้ก็ต้องขอขอบพระคุณสำหรับโอกาสในครั้งนี้ครับ คณะผู้บริหารภายใตัสังกัดพันธกิจการศึกษา สภาคริสตจักรในประเทศไทย ถ่ายรูปร่วมกันหน้า M-SENKO ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ในเครือของบริษัทเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สิ่งที่ครูโจโจ้ได้เรียนรู้ คือ ระบบที่มีมาตรฐาน การแก้ไขปัญหาขององค์กรอย่างต่อเนื่อง จากการเก็บสถิติ รายงานข้อมูล ความรักษาความลับขององค์กร อย่างเช่น สูตรน้ำจิ้ม ที่มีคนรู้เพียง 4 คนเท่านั้น แม้แต่ตำแหน่งสูงในบริษัทยังไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง นอกจากเจ้าของคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ฯลฯ  และสำหรับสิ่งที่ชอบที่สุดจากการเรียนรู้ในครั้งนี่ คือ เครื่องมือเครื่องจักรหลายเครื่อง เกิดจากความ

Kru JOJO Talk - สอบผ่านแล้ว Google Certified Educator Level 1

รูปภาพ
  บทความนี้ครูโจโจ้จะมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อแชร์ประสบการณ์การสอบ Google Certified Educator Level 1 ในครั้งนี้กันครับ  อย่างแรก ครูโจโจ้ต้องขอขอบพระคุณ อ.อดิศักดิ์ มหาวรรณ หรือ ครูไก่ ที่มอบโค้ดเป็นคูปองส่วนลดในการสอบครั้งนี้ ซึ่งปกติการสอบครั้งนึงจะอยู่ที่ 10.00 $ จึงได้ใช้โอกาสนี้ทดลองสอบดู ถ้าสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร เพราะฟรี ถ้าสอบผ่านก็เป็นเรื่องที่ดี สุดท้ายครูโจโจ้ก็สามารถสอบผ่านได้สบายๆ ครับ การสอบครั้งนี้ครูโจโจ้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เตรียมแค่เวลาว่างๆ อย่างเดียว พอหาเวลาเจอก็ Register ตามระบบเพื่อลงทะเบียนสอบ จากนั้นก็ลงมือปฏิบัติสอบเลย ซึ่งเวลาที่ Google กำหนดให้เราทำข้อสอบคือ 3 ชั่วโมง ตอนแรกก็ยังขำๆ ว่าให้เวลาเยอะอะไรขนาดนั้น แต่พอลงมือทำจริงๆ ก็ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบ 3 ชั่วโมงเลยครับ  ข้อสอบนั้นไม่มีอะไรมากครับ ถ้าเราใช้ G Suite for Education Apps ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Docs, Slides, Sheets, Forms, Drive, Google Classroom, Google Sites, Gmail เป็นต้น ก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ ทั้งสิ้น อย่างที่บอกครับ เตรียมแค่เวลาอย่างเดียว เพราะแรกๆ โจทย์จะเป็นคำถามให้เราเลือกต

ไม่รับน้อง ไม่รักคณะ?? (รีโพส)

รูปภาพ
ครูโจโจ้นึกถึงความคิดเห็นที่เคยโพสไว้ในเฟสบุ๊คเรื่องการรับน้อง ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว มีสถานการณ์ที่กำลังดราม่าของคณะที่ครูโจโจ้จบมา คือตอนนั้นมีรุ่นน้องที่ไม่เห็นด้วยกับการรับน้อง และไม่อยากร่วมการรับน้องของเมเจอร์ (หมายถึง "สาขาวิชา"  ปัจจุบันเด็ก มช. เรียกสั้นๆ ว่า เจอร์) รวมถึงขอไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ จึงทำให้ถูกกดดันโดยรุ่นพี่ ไม่พอ กลับถูกอาจารย์คนหนึ่งกดดันอีกด้วย ซึ่งเป็นอาจารย์ในสาขาวิชาของน้อง (ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ปรึกษาด้วยหรือเปล่า)  น้องคนนี้จึงอัดคลิปเสียงที่อาจารย์ท่านนั้นพยายามโน้มน้าวให้น้องเข้าร่วมการรับน้องและกิจกรรมของคณะและสาขาวิชา จากนั้นก็เป็นการกดดันด้วยคำพูดต่างๆ รวมถึงประโยคที่บอกว่า ไม่พอใจระบบที่นี่ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ไม่นานหลังจากนั้นน้องคนดังกล่าวก็เผยแพร่บทสนทนาสู่โซเชียลมิเดีย และเป็นกระแสดราม่ากันยกใหญ่ หลายคน ณ เวลานั้น ที่เห็นดีเห็นงามกับการรับน้อง (SOTUS) ก็ออกมาโพสด่า ประมาณว่า ฉันเคยผ่านการรับน้องมาฉันไม่เห็นตาย ฉันทำกิจกรรมต่างๆ ฉันยังอยู่ทุกวันนี้บลาๆๆๆ หลายคนก็หยาบคาย .. ณ เวลานั้นที่ครูโจโจ้เห็นก็เอือมระอา เพราะครูโจโจ้เองไม่เห็

"เพียงแค่พูดความจริงเพื่อปกป้องเด็ก ต้องกลัวอะไร?" ความคิดเห็นต่อกรณีครูปฐมวัยทำร้ายร่างกายเด็ก

รูปภาพ
เพิ่งโพสเรื่อง "ความคิดเห็นของครูโจโจ้ ต่อกรณีครูลงโทษนักเรียนจนทำให้เสียชีวิต"   เมื่อไม่นานมานี้เอง วันนี้มีข่าวครูใช้ความรุนแรงกับเด็กอีกแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นกับเด็กระดับปฐมวัยด้วย และยิ่งน่ารับไม่ได้อย่างยิ่งคือ ใช้ความรุนแรงแบบไม่มีสาเหตุอีกด้วย แ ล้วครูในห้องก็เพิกเฉย ในฐานะที่ปัจจุบันผู้อำนวยการโรงเรียนระดับปฐมวัยด้วยเช่นกัน ครูโจโจ้มีความเห็นว่าต้องลงโทษครูในห้องนั้นทั้งหมด ไม่มียกเว้น การทำร้ายเด็กถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง  ผมรับไม่ได้ การเพิกเฉย การไม่แสดงการต่อต้านในสิ่งที่ผิดนั้น แม้แต่แจ้งให้ทราบก็ไม่มี ถือว่ามีความผิด!  เพียงแค่พูดความจริงเพื่อปกป้องเด็ก ต้องกลัวอะไร? ครูโจโจ้บอกกับเพื่อนครูเสมอว่า "ลูกของเขา เปรียบดังแก้วตาดวงใจ ผู้ปกครองเลี้ยงลูกด้วยความทะนุถนอม เราเป็นใคร ถึงมีสิทธิไปทำร้ายลูกเขา?" ผมมักจะเดินดูการเรียนการสอนในห้องเรียนทุก ๆ ห้องอยู่บ่อย ๆ และไปแบบไม่เป็นเวลา ถ้าว่างก็เดินดู ไม่ใช่การนิเทศการสอน แต่เพื่อสอดส่องและตรวจสอบหากมีเหตุการไม่ปกติเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามกลับว่า ผู้บริหารโรงเรียนนั้น ๆ เคยใส่ใจกับการเรียนการสอนในห้องเรีย

ระบบ SOTUS ในมหาลัย ไม่ช่วยเรื่องงานในอนาคต

รูปภาพ
Photo by Andrea Piacquadio from Pexels ระบบ SOTUS ในมหาลัย หลอกกันว่ารุ่นพี่จะช่วยรุ่นน้องในวันข้างหน้า ....  สมัยก่อนซัก 10 กว่าปีที่แล้วอาจจะเป็นไปตามที่เขาพูด (มั้ง?) แต่สมัยนี้ยากครับ และยากมากๆ เพราะทุกอย่างมีกระบวนการมีขั้นตอนตรวจสอบกันหมดแล้ว  อีกอย่าง .. รุ่นพี่ที่เป็นปีว๊ากน่ะ ห่างกับปี 1 ประมาณแค่ 3 - 4 ปี พอจบออกไปคิดว่าเขามีตำแหน่งใหญ่ช่วยเหลือรุ่นน้องได้เลยหรือ???  ตัวผมเองก็ไม่เคยเพิ่งพารุ่นพี่คนไหน ไม่ว่าจะได้งานทำ หรือ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ก็เพราะความสามารถของตัวเองล้วนๆ ครับผม รุ่นพี่บางคนยังเอาตัวไม่รอดเลยด้วยซ้ำ  ในทำนองเดียวกัน ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของกระผม ก็มีความผูกพันแบบพี่น้อง (อันนี้ไม่นับคนคุยที่จบความสัมพันธ์เพียงแค่พี่น้องนะ 55555) ซึ่งรุ่นพี่ที่ผมนับถือและสนิทไม่ใช่พี่ว๊ากหรอกครับ แต่เป็นพี่ที่เราเคยช่วยเหลือกันในยามขับขัน เวลาทำกิจกรรมในมหา'ลัย เราสู้มาด้วยกัน เราสอนเราเรียนรู้ด้วยกัน มีน้ำใจซึ่งกันและกัน เล่นรักบี้ด้วยกัน แฮงเอ้าท์ด้วยกัน พูดคุยถามไถ่เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องราวหรือปัญหาชีวิตได้อย่างสนิทสนม  ส่วนพวกที่เป็นพี่ว๊ากบางคนหายหัวหลังจากร

"เขาผิดอะไรที่ป่วย ถึงต้องไปลงโทษเด็กขนาดนั้น?" ความคิดเห็นต่อกรณีครูลงโทษนักเรียนจนทำให้เสียชีวิต

รูปภาพ
ครูโจโจ้ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวประชาไทภาคภาษาอังกฤษ หรือ Prachatai English ต่อกรณีที่ครูลงโทษนักเรียนจนเสียชีวิต (สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่  https://prachatai.com/english/node/8786 ) ทั้งนี้จึงขอแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาไทยลงในบทความนี้นะครับ ผมอยากถามจริงๆ ว่าเขาผิดอะไรที่ป่วย ถึงต้องไปลงโทษเด็กขนาดนั้น? ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงเลย ไม่จำเป็น และไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่ต้องใช้ความรุนแรง ยิ่งกรณีที่เด็กนักเรียนป่วยทำให้ขาดการส่งงานแต่กลับถูกลงโทษลุกนั่งเป็น 100 ครั้งจนทำให้น้องเสียชีวิต มันเป็นข่าวที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจกับการจากไปของนักเรียนจากการลงโทษที่ไม่เป็นธรรม และโกรธครูคนนั้น ใจของเขาช่างดำเหลือเกินแก่การที่จะทำอาชีพครู  ครูควรสอบถามพูดคุยเพื่อหาสาเหตุด้วยสันติวิธีเสียก่อน อย่างกรณีนี้ถ้าเราพบว่าเด็กนักเรียนป่วย เราควรเข้าใจ และให้โอกาสเขา มากกว่าลงโทษที่ไร้เหตุผล ไร้ความเมตตาปราณี แล้วการลุกนั่งที่ลงโทษแบบทหารนั้น เป็นการลงโทษที่รุนแรงและไม่สมควรนำมาใช้ในสถานศึกษา โรงเรียนไม่ใช่ค่ายทหาร!  และการลุงนั่งแบบนั้นจะเกิดผลเสียต่อเข่าของพวกเขาในอนาคต ค

ความคิดเห็นเรื่องระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563

รูปภาพ
รูปครูโจโจ้สมัยเป็นเด็กอนุบาล นับว่าเป็นข่าวที่กำลังเป็นกระแสทีเดียว เมื่อในวันที่ 1 พ.ค. 2563 ราชกิจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 โดยกล่าวว่า "โดยที่เป็นการสมควรกำหนดข้อปฏิบัติและข้อห้ามปฏิบัติในการไว้ทรงผมของนักเรียนเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการของสถานศึกษา มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบันและการปฏิบัติตนของนักเรียนเป็นไปด้วยความถูกต้อง รวมทั้งเป็นการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" รายละเอียดอ่านได้ที่  ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 แท้จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยเป็นกระแสมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2556 (7 ปีที่แล้ว) ทาง ศธ. เคยแจ้งให้โรงเรียนเลิกบังคับตัดผมเกรียน-บ๊อบติ่งหู เพราะทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ได้ย้ำว่าทรงนักเรียนต้องยึดกฎกระทรวงฉบับที่ 2 วันที่ 6 มี.ค. พ.ศ. 2518 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า 1.นักเรียนชายให้ตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและข้างหลังยาวเลยตีนผม และ 2. นักเรียนหญิงให้ตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกิ

บันทึกบทสนทนาในหัวข้อ แนวทางการจัดการ Distance Learning ในประเทศจีนทำอย่างไร

รูปภาพ
ครูแหม่ม ครูหยาง และ ครูโจโจ้ ที่เซียเหมิน ฝุเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับครูหยาง ซึ่งเป็นครูสอนภาษาจีน เรื่องแนวทางการจัดการ Distance Learning ในประเทศจีนทำอย่างไรบ้าง ครูหยางเล่าว่าสำหรับเด็กเล็กจะเรียนผ่านโทรทัศน์เลย เพราะว่าประเทศจีนใช้หนังสือเรียนเหมือนกันทั้งประเทศ จึงเป็นการง่ายที่ส่วนกลางทำสื่อการสอนผ่านโทรทัศน์ แล้วให้ผู้ปกครองดูด้วยเพื่อควบคุม ส่วนระดับโตขึ้นมาอย่างเช่น มัธยมปลายทเขาใช้โปรแกรม DingTalk ที่คล้ายๆ กับ Google Classroom (แต่รายละเอียดลูกเล่นนี่ไม่ทราบ) สำหรับการเรียนการสอนอยู่บ้าน ส่วนเด็กเล็กจะไม่ใช้เพราะเขาไม่สามารถนั่งนิ่งๆ อยู่หน้าจอนานๆ ได้ ประเด็นที่น่าสนใจประเด็นหนึ่งคือการสอบ ครูจีนจะให้นักเรียนทำข้อสอบเหมือนกับการสอบในห้องเรียน แต่ให้ใช้ระบบวิดีโอประชุมนักเรียนทุกคนให้ตั้งกล้อง ให้เห็นหน้า เห็นข้อสอบ แล้วทำพร้อมกัน โดยครูจะจ้องดูนักเรียนทำข้อสอบผ่านจอ เพื่อดูว่านักเรียนมีการใช้สายตาไปในทางทุจริตหรือเปล่า ครูหยางบอกว่านักเรียนก็ต้องมองที่กล้องหรือข้อสอบ ถ้ามองไปในทางอื่นก็ส่อทุจริตละ เอ้อ ฟังอันนี้แล้วก็ได้ไอเดียว่ามันง่ายดีนะ เรา

มองเด็กขายพวงมาลัย กับความรู้สึกที่ปวดร้าว

รูปภาพ
อยากเล่าอะไรหน่อย เพราะภาพและความรู้สึกนั้นยังติดอยู่เลย เรื่องคือว่าเย็นวันนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหาร มันก็เป็นธรรมดาที่บางร้านเขาก็ให้เด็กขายพวงมาลัยเดินเข้ามาอ้อนวอนตามโต๊ะลูกค้า มันเป็นภาพที่ชินตาไปแล้ว และผมเองก็บอกปฏิเสธจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว  ซึ่งในวันนี้ก็เช่นกัน จริงๆ ก็เห็นเด็กคนหนึ่งถือพวงมาลัยมาแต่ไกลแล้วล่ะ เพราะเรานั่งใกล้กับประตู ก็ทำเป็นไม่เห็นซะ จากนั้นในขณะที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ ปลายสายตาก็มองเห็นเด็กตัวเล็กๆ หัวเกรียนๆ แบบสกินเฮเเดินเข้ามา พวกเราก็คุยกันต่อ ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่สนใจ แต่แทนที่เด็กจะเดินจากไป ก็ยังยืนอยู่ข้างๆ ที่เห็นจากปลายสายตา ก็เลยตัดสินใจหันไปมองหน้าเพื่อส่งสัญญาณว่าเราไม่ซื้อ แต่พอเห็นหน้าที่เด็กคนนี้เมื่อโดนปฏิเสธ เป็นใบหน้าของเด็กผู้ชายตัวน้อยๆ ที่ผิดหวัง ปนกับหมดหวังกับการขายพวงมาลัยให้กับโต๊ะนี้ ใบหน้าและดวงตาที่สดใสมันค่อยๆ เจื่อนไป ยิ้มที่ตั้งใจและพยายามโน้มน้าวให้เราซื้อพวงมาลัย ก็กลายเป็นยิ้มที่ไม่เต็มใบหน้าเหมือนตอนแรก จนเห็นฟันบนซี่หน้าใหญ่ๆ และห่างจากกัน ก็น่าจะเป็นฟันแท้ที่เพิ่งขึ้นมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว ยิ้มที

Linkin Park คือแรงบันดาลใจการเรียนภาษาอังกฤษของครูโจโจ้

รูปภาพ
Linkin Park เป็นวงที่ชื่นชอบที่สุด ตั้งแต่สมัย ม.ต้น  เป็นเทปคาสเซ็ทเพลงสากลเทปแรกที่ซื้อเก็บไว้  เป็นแรงบันดาลใจทำให้ชื่นชอบภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม  ที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัดแบบนี้ก็เพราะเพลง "In The End" เป็นจุดเริ่มต้นเลยทีเดียว จะบอกว่าที่เป็นครูภาษาอังกฤษทุกวันนี้ได้ก็มีเพลงของ LP เป็นสิ่งที่จุดประกายก็ว่าได้  ตอนนั้นต้องกรอเทปกลับไปกลับมาเพื่อร้องให้ได้เหมือนกับเทป โดยดูเนื้อเพลงจากปกอัลบั้มเพลง กว่าจะเข้าใจการออกเสียงและร้องได้ชัดถูกต้อง หลังจากนั้นก็ได้ร่วมวงดนตรีกับเพื่อน ขึ้นร้องเพลงนี้ที่เวทีดนตรีของโรงเรียนอีกด้วย (ร้องท่อนแร๊พ)  นั่นคือความพยายามที่อยากเอาชนะ ก้าวข้ามขีดจำกัดทักษะทางภาษาอังกฤษของตนเอง และทำให้การออกเสียงภาษาอังกฤษของครูโจโจ้เองชัดเจนขึ้น เป็นแรงพลักดันในการเรียนภาษาอังกฤษ จากที่ชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็ยิ่งชื่นชอบและศึกษาค้นคว้ามากกว่าเดิม จนทำให้มีเป้าหมายเพื่อศึกษาต่อด้านเอกภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้ยังฟังเพลง LP เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกไปวิ่ง โดยเฉพาะอัลบั้ม Hybrid Theory   เกือบทุกเพลงนั้นทรงพลัง เวลาฟั

ลาก่อน Dunkin' Donuts สาขาโรงแรมภูคำ ในตำนาน

รูปภาพ
ก่อนหน้าโน้น มันคือห้องแอร์ไม่กี่ที่ ใช้พักพิงสำหรับ นศ. มช. ในการอ่านหนังสือติวช่วงสอบ และในชีวิตเด็ก มช. ของผม เคยมานั่งแค่ครั้งเดียว เพราะหอสมุดใน มช. มีคนเต็มล้น เลยหาที่นั่งอ่านข้างนอกเย็นๆ เพื่อนก็ชวนมา เพราะไม่ไกล แต่ไม่ประทับใจ เพราะคนก็แห่มาเยอะไม่ต่างกัน จนเครื่องปรับอากาศทำงานได้ไม่ดีเลย เมื่อถึงวันหนึ่ง ในยุคที่รอบๆ มช มีร้านกาแฟแอร์เย็นฉ่ำมากมาย เอื้อต่อการทำงาน อ่านหนังสือ มีปลั๊กให้เสียบ บางร้านเปิดตลอด 24 ชม. การสั่งเครื่องดื่มแก้วนึงแล้วนั่งแช่ตลอดทั้งวัน ราคาของมันทำร้านอยู่ไหว จึงทำให้ช่วงค่ำๆ ที่ขับรถผ่านแถวนี้ก็ไม่ค่อยเห็นภาพ นศ. นั่งฟุบหลับอยู่บนโต๊ะในร้านโดนัทแบบเมื่อก่อนก็แทบไม่ค่อยเห็นเลย และมันก็ต้องถึงจุดๆ หนึ่ง ...

ซึมเศร้า .. เล่าสู่กันฟัง

รูปภาพ
เห็นช่วงนี้หลายคนทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าผ่านเว็บต่างๆ ก็เลยลองทำดูบ้าง โดยคิดถึงอารมณ์ช่วงก่อนหน้านี้แล้วตอบแบบสอบถาม ผลออกมาว่าเป็นซึมเศร้าระดับปานกลาง ไม่แปลกใจเลยครับ ที่ไม่แปลกใจก็เพราะว่าตอนนี้ก็กำลังกินยารักษาโรคซึมเศร้าอยู่ครับ หมอบอกว่ามีอาการซึมเศร้าอยู่นิดหน่อย กินยาเพียงครึ่งเม็ด และตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วครับ เรื่องของเรื่องคือ มีช่วงหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีคำถามกับตัวเองว่า "ตื่นมาทำไม? ตื่นมาเพื่อใช้ชีวิตเดิมๆ แบบนี้เพื่ออะไร? ถ้าไม่ตื่นล่ะจะไปไหน?" เป็นต้น ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะ และไม่เคยคิดด้วย แต่ตื่นมาแล้วไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรทุกข์เท่าไหร่ มันแค่รู้สึกเบื่อๆ และเรื่องน่าเบื่อที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เข้ามาอีก หลังตื่นได้ซักพักก็พอมีสติก็รู้ตัวว่า "เอ่อ ช่วงนี้มีความคิดแปลกๆ เว้ย" เลยรอวันว่างๆ ที่จะเป็นโอกาสไปปรึกษาจิตแพทย์ซักหน่อย เมื่อได้วันว่าง ก็ตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลสวนปรุง ใช่ครับ ไปสวนปรุง เดินดุ่มๆ ไปคนเดียวด้วย เพราะผมรู้  ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของระบบประสาท ควรจะไปรพ.ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ไปเลย แล้วอยากจะหัก

แด่ประสบการณ์ที่เคยทำธุรกิจเครือข่าย

รูปภาพ
ผมจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง ช่วงนี้มีกระแสสินค้าขายตรงบางยี่ห้อตรวจพบเจอสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ก็ต้องยอมรับว่าสินค้าตัวนี้มีกระแสพอสมควรแหล่ะครับ เพราะพ่อค้าแม่ค้าตัวแทนโพสสร้างกระแสแทบทุกวัน วันละ 3 เวลาเลยทีเดียว แต่เมื่อมีผู้ที่ออกมารายงานความบกพร่องที่เกิดขึ้น ตัวแทนก็กลับออกมาปกป้องด้วยท่าทีที่รุ่นแรงเลยทีเดียว แต่กรณีนี้ผมเข้าใจความรู้สึกครับ ผมเคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนแหล่ะ ทำได้ระดับหนึ่ง ผมเข้าใจดีว่าความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไง การที่เข้าอบรมหรือสัมมนา และ การที่อัพไลน์* พูดกรอกหูอยู่ตลอดว่าสินค้าของบริษัทตัวเองดีกว่าสินค้าที่มีอยู่ทั่วไปอย่างไร ทำให้คนที่หัดทำธุรกิจมือใหม่อย่างเรามีความเชื่อมั่น ทั้งสินค้า และ บริษัท (ในประเด็นสินค้าดีจริงไม่ดีจริงผมขอไม่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้บริโภค) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้ค้นพบหลังจากที่ถอนตัวออกมา ผมพอมีสติที่จะค้นหาข้อมูลต่างๆ อย่างเช่น อัพไลน์ระดับสูง ผมพบว่าบุคคลเหล่านี้เคยเป็นระดับท็อปๆ ของหลายบริษัทก่อนหน้าที่จะย้ายมา พบว่าบุคคลเหล่านี้ทำธุรกิจเครือข่ายและขายตรงเป็นมืออาชีพ เมื่อย้ายไปบริษ

พ่ออยู่หัว และ พ่อของผม

รูปภาพ
ผมจะเล่าเรื่องความรัก ความจงรักภัคดี ที่พ่อของผมมีต่อพ่ออยู่หัว  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในพระบรมโกศ พ่อผมรักในหลวงมาก  ท่านเป็นข้าราชการรับใช้แผ่นดินภายใต้สังกัดกรมทางหลวง จนเกษียณอายุข้าราชการ  และเสียชีวิตลงหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน ด้วยโรคมะเร็ง  ตั้งแต่ผมยังเด็ก เวลาที่มีงานจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติที่ใด  พ่อก็จะพาพวกเราไปด้วยเสมอ  ถ้าหากว่าไม่ได้เดินทางไปไหน พ่อผมติดตามข่าวในพระราชสำนักทุกวันไม่เคยขาดแม้กระทั่งตอนที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล และจำได้ว่าแม่ต้องไปต่อคิวเพื่อซื้อเสื้อสีเหลืองให้พ่อในช่วงนั้นด้วย  พ่อผมไม่เคยบอกหรอกว่ารักในหลวงมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ผมซึมซับมาจากการปฏิบัติของพ่อนั่นแหล่ะคือคำอธิบาย ครอบครัวเราได้เห็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพ่ออยู่หัวโดยเสมอมา   สำหรับส่วนตัวผมแล้ว ผมจบจากโรงเรียนนวมินทราชูทิศพายัพ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพ่ออยู่หัว ในภาคเหนือ (อดีตเคยใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า King's School)  โรงเรียนซึมซับพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอด  ที่มา เพจ  โรงเรียนนวมินทราชูทิศ พายัพ จังหวัดเชียงใหม่ ผมเล่าควา

#นักศึกษาสะพายย่าม

รูปภาพ
การที่ผมเป็น # นักศึกษาสะพายย่าม นั้นเป็นการลดความโอหังของคำว่า "นักศึกษามหาลัยชั้นนำ" ลงไป  ลดความจองหองที่ว่า "ฉันเรียนเอกภาษาอังกฤษ" ลงไป พูดง่ายๆ คือลด "ego" ของตัวเองลงไป  เพราะ # ฉันรักความเท่าเทียมกัน หลายๆ คนมักจะเข้าใจว่าผมเรียนเอกอื่นๆ เพราะผมไม่ได้ทำตัวหรูหรา ผมเริ่มต้นความเป็นนักศึกษาด้วยการ "ติดดิน" เช่น เดินไปเรียนหนังสือ จากหลัง ม. ไปหน้า ม. เหนื่อยแต่คุ้มที่ได้มองธรรมชาติไปรอบๆ (เพราะรถม่วงเต็มอยู่บ่อยๆ จึงเลือกที่จะเดินสะดวกกว่า ไม่ต้องรอ) อยู่หอพักนักศึกษา สภาพโทรมๆ เก่าๆ แต่อบอุ่น เต็มไปด้วยมิตรภาพ (และเรื่องผี) โน๊ตบุ๊คไม่มี เพราะมหาลัยมีคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์ลิขสิทธิ์บริการที่ดีอยู่แล้ว ทำงาน ช่วยเหลือบุคลลากรในคณะ ได้ชั่วโมงละ 25 บาท เป็นการหาเงินก้อนน้อยๆ ครั้งแรกในชีวิต ออกค่าย เพราะไปเรียนรู้ทักษะความอดทน ในยามยากลำบาก  นอกจาก "ติดดิน" แล้วยัง "อู้กำเมืองแหลวเล๊ด" อีกต่างหาก ผมจึงมีเพื่อนจากหลายๆ สาขา ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มเพื่อนเมเจอร์ เพื่อนโรงเรียน หรือว่าเพื่อนจ

ยกเลิก "เกรียน" เปลี่ยนเป็น "รองทรง"

รูปภาพ
              นับว่าเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียวสำหรับการยกเลิกบังคับทรงผมเกรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ของไทย ซึ่งประกาศโดย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามกระแสไปต่างๆ นานา ทั้งเชิงลบและเชิงบวก  ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกที่มีคนคัดค้านกับการประกาศปรับปรุงกฏหมายของทรงผมนักเรียนเช่นนี้ ทั้งๆ ที่มันแทบจะไม่เป็นประเด็นของการศึกษาเลยด้วยซ้ำ มันเป็นประเด็นของสิทธิที่นักเรียนสามารถเลือกทรงผมได้ แต่ก็เป็นสิทธิที่ยังคงมีขอบเขตจำกัดอยู่เช่นกัน  ซึ่ง รมต.ศึกษาธิการได้กล่าว่า  " ถ้าตีความตามกฎกระทรวง พ.ศ.2515 นั้น นักเรียนชายจะต้องไว้ผมด้านข้างและด้านหลังเกรียน แต่กฎกระทรวง พ.ศ.2518 เปลี่ยนแปลงให้นักเรียนชายไว้ผมรองทรงได้ ไม่ต้องตัดผมด้านข้างหรือด้านหลังจนเกรียน แต่ในทางปฏิบัติ ร.ร.ยังคงยึดติดกับทรงผมเกรียนตามกฎกระทรวง พ.ศ.2515 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะกฎกระทรวงฉบับใหม่เปิดโอกาสให้เด็กไว้ทรงยามแบบรองทรงได้"   ทีนี้เรามาดูกฏกระทรวงทั้ง 2 ฉบับที่ว่ากันดีกว่า (แบบย่อ)  กฎกระท รวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) กล่าวไว้ว่าดังนี้ : ข้

หลุมพรางอุปสรรคก่อนสอบ ที่ต้องเอาชนะ!!

รูปภาพ
เมื่อพูดถึงอุปสรรค .. เราเปรียบได้เป็นดั่ง "มารผจญ " แต่เมื่อ "มารไม่มี .. บารมีไม่เกิด" หากเราเพียงมีสติและอดทน .. มารที่ไหนก็แพ้ภัยมลายสิ้น .. มารผจญต่าง ๆ มาทั้งที่รู้ตัวและอาจไม่รู้ตัว ต่อไปนี้คือสิ่งที่ทำให้หลายคนอาจจะต้องเสียเวลา และคว้าฝันไปไม่ถึงฝั่งได้ 1. รอพร้อม .. แล้วค่อยเริ่ม อันนี้ก็ขอเป็นประเด็นแรกเลย ที่หลายๆ คนจะสลัดความขี้เกียจแล้วเริ่มเปิดหนังสือหน้าแรกอ่านเสียที กว่าจะอ่านก็มักจะอ้างโน่นอ้างนี่ "วันนี้เหนื่อย .. พรุ่งนี้ค่อยอ่านแล้วกัน" หรือบางคนก็บอกว่า "เดี๋ยวจะอ่านซักตอน 2 ทุ่ม"..    พอถึงเวลาละครเข้า!! " เดี๋ยวก่อนดูจบแล้วค่อยอ่าน" .. อ่าววว พอถึงเวลาละครจบ "เฮ้อ .. ไม่ไหวละ หนักหัวเหลือเกินวันนี้ .. เดี๋ยววันพรุ่งนี้จะอ่านจริงๆ ละ" มีแต่คำว่า  "เดี๋ยวจะ" กับ "เดี๋ยวๆๆ"  อยู่นั่นแหล่ะ .. ไม่ได้ทำซักที ก็ผลัดวันไปเรื่อย .. แล้วเมื่อไหร่มันจะเริ่ม!! เปลี่ยนจากคำว่า "เดี๋ยวจะ" ให้เป็นคำว่า "ต้อง!!" จะได้ไหม??? "คืนนี้เวลา