บทความ

การใช้ Google Maps เป็นสื่อการสอน

รูปภาพ
  คือ การบริการแผนที่บนเว็ปไซต์ที่พัฒนาขึ้นโดย Google โดยนำเสนอเป็นรูปภาพแผนที่แบบดาวเทียม แผนที่ถนน ทางเท้า รูปภาพเส้นทางแบบพาโนรามา 360 องศา (Street View) การบอกสถานการณ์จารจรตามเวลาจริง (Google Traffic) และการวางแผนเส้นทางสำหรับการเดินทาง มีทั้งแบบเดินเท้า รถยนต์ รถจักรยาน และ ระบบขนส่งมวลชน ทำไมถึงใช้ Google Maps? เพราะปัจจุบันอุปกรณ์อัจฉริยะ (smart devices) เป็นสิ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพียงแค่นำอุปกรณ์ที่มีเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าใช้แอปพลิเคชันนี้ได้ ซึ่งเป็นฟรีแอปพลิเคชั่น โดยเฉพาะมือถือระบบปฏิบัติการ Android จะเป็นแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดตั้งมาต้้งแต่แรก ทั้งนี้ทั้งนั้นการบอกเส้นทางของ Google Maps นั้นมีความแม่นยำ และมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้สอนในเรื่องเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ แผนที่ รวมถึงการบอกเส้นทางอย่างที่ครูโจโจ้ได้นำไปประยุกต์ใช้ในการสอน เพราะแผนที่ในแอปพลิเคชันมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่วนโปรแกรมบอกเส้นทาง หรือ navigator นั้น ณ ขณะนี้เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งข้อดีที่ได้พบมีดังนี้ นักเรียนได้เรียนรู้ศัพท์การบอกเ

แนะนำการใช้ LINE เพื่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รูปภาพ
          ในยุคที่โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อใช้ในการทำงาน ให้เกิดความสะดวกในการติดต่อสื่อสารต่างๆ ที่นอกเหนือจากการโทรพูดคุยกันแล้ว มันยังสามารถส่งไฟล์ทั้งแบบรูปภาพและวิดีโอได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น ซึ่งหนึ่งในแอพพลิเคชั่นยอดนิยมของสังคมไทยในช่วงเวลานี้ก็คือ LINE           อาจเป็นเพราะความง่ายในการเข้าถึงและการใช้งานสำหรับทุกวัย จึงทำให้ LINE นั้นเป็นที่นิยม และแทรกซึมไปถึงการทำงานในหลายๆ องกรณ์เลยทีเดียว และแน่นอนว่าผู้ใช้ต่างมีกลุ่ม LINE สำหรับหน่วยงานของตัวเองเพื่อติดต่อสื่อสาร (หรือส่งภาพดอกไม้ในยามเช้า ฮ่าๆๆ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในแอพพลิเคชั่นยังมีหลายฟังก์ชั่นที่คนจำนวนมากยังไม่ได้ลองเล่นและเห็นถึงประโยชน์ของมัน ครูโจโจ้จึงเขียนบทความนี้เพื่อแนะนำฟังก์ชันการใช้การที่เอื้อต่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ โดยแบ่งออกเป็น 5 หัวข้อดังนี้ 1. การสร้างกลุ่ม 2. การใช้ Note เพื่อประกาศ 3. การใช้ Album 4. การสร้าง Shortcut กลุ่ม 5. การแชร์กลุ่ม 1. การสร้างกลุ่ม สำหรับคนที่เป็นฝ่ายเข้าร่วม (join) มาโดยตลอดนะครับ อิอิ 1.1.ไปที่หน้าแรกของเรา เลือกเค

LINE Dictionary พจนานุกรมอังกฤษ - ไทย ที่แนะนำเพื่อการศึกษา

รูปภาพ
แนะนำ Application ดีๆ เพื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นั่นคือแอพฯ พจนานุกรม LINE Dictionary   ทำไมต้อง LINE Dictionary? ก็เพราะว่าเป็นพจนานุกรมที่ได้รับความร่วมมือจาก - Oxford University   - SE-ED และ - เนคเทค  ( ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ) ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรและสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือมากๆ  ดังนั้นไม่ต้องกังวลเลยว่าจะมีคำศัพท์ที่แปลแบบผิดๆ ถูกๆ  ภายในเนื้อหาเมื่อเราต้องการค้นหาความหมายของคำศัพท์ ประกอบด้วย  การอ่านออกเสียงทั้งแบบ UK และ US มี Phonetic Symbols ประกอบ (ซึ่งแอพฯของไทยไม่ค่อยมี) Derivative  คือ คำที่เกี่ยวเนื่องกันในประเภทของคำชนิดอื่น Definition การให้ความหมาย เป็นภาษาไทย โดยบอกประเภทของคำ และให้ความหมายทั้งแบบ อังกฤษ - ไทย และ อังกฤษ - อังกฤษ และอาจจะมีสำนวนมาให้เราได้เรียนรู้ด้วย Synonyms คำที่มีความหมายเหมือนกัน Antonyms คำที่มีความหมายตรงกันข้าม Usage examples พร้อมทั้งให้ตัวอย่างการใช้ประโยคเลยที่หลากหลาย มากไปกว่านั้น LINE Dictionary ยังมีลูกเล่นต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษในแต่ละวัน ทั้งการนำเส

Passive Voice : วิธีจำโครงสร้างง่ายๆ

รูปภาพ
ก่อนหน้านี้ครูโจโจ้ได้นำเสนอ เทคนิคจำโครงสร้าง Tense ซึ่งเป็นรูปแบบของ Active ส่วน บทความนี้คุณครูจะนำเสนอโครงสร้างแบบ Passive นะครับ แต่ควรจำโครงสร้างของ Tense ทั้งหมดก่อนนะ  <<<คลิกเพื่ออ่านบทความ>>> Active กับ Passive คือ Voice ทางไวยากรณ์ Active voice คือ ประธานเป็นผู้กระทำ (ประธานสามารถทำเองได้) Passive voice คือ ประธานเป็นผู้ ถูกกระทำ (หรือ ประธานทำเองไม่ได้)  เวลาแปลประโยคของ Passive voice จะมีคำว่า ถูก ... (กระทำ)  เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ให้นึกถึงฟันของเรานะครับ ฟันล่างเราคือ active เพราะมันขยับได้  ส่วนฟันบนคือ passive ครับ (ลองขยับดูซิ ได้ไหม?) คุณครูมีสมการง่ายๆ ครับ ในการเปลี่ยนจาก Active ให้กลายเป็น Passive  เพียงแค่ดูจาก Tense เดิมเป็นหลัก สมการก็คือ Vx = Be x + V3 อธิบายก็คือ V ใดๆ ก็ตาม (x) ที่อยู่ในโครงสร้างของ Active  จะเปลี่ยนเป็น Be + V3 ในโครงสร้างของ Passive  โดย Be จะผันตาม (x) ที่มาจาก Active ครับ ดังนี้             Active           :        Passive S + V1 (x ก็คือ  1)                      =    S + Be1 + V3

ภาษาอังกฤษ การซ้อมหนีไฟ ซ้อมรับมือภัยพิบัติ

รูปภาพ
A fire drill = ซ้อมหนีไฟ Disaster drill (s) = ซ้อมรับมือภัยพิบัติ Drill (n.) มีอยู่ 2 ความหมาย    1. สว่าน    2. การฝึกซ้อม (training)            *มักพบในวงการทหาร และ สำหรับการฝึกซ้อมที่ทำเป็นประจำ(ทุกปี เป็นต้น)         *ทางการศึกษา โดยเฉพาะการสอนภาษา หมายถึงการพูดซ้ำๆ เพื่อให้เกิดความจำ ถ้าเป็นการทดสอบด้วยก็จะเป็น  "Drills & Exercises" หากต้องการจะเขียนป้ายเพื่อแจ้งว่าขณะนี้มีการซักซ้อมอยู่ มีดังนี้ This is only a drill Mock disaster drill  หรือ Mock disaster drill in progress   *mock (adj.) = not real *in progress = กำลังดำเนินการ เป็นต้น ครูโจโจ้

เทคนิคจำโครงสร้าง Tense

รูปภาพ
สำหรับโพสนี้เป็น trick ง่ายๆ ที่ช่วยจำโครงสร้าง เพียงจำแค่ 6 อย่างเท่านั้น สามารถเขียนโครงสร้าง Tense ได้ทั้งหมด 12 โครงสร้างเลยทีเดียว ดังนี้ ให้จำ ว่าเมื่อพูดถึง  Present = V1, Past = V2, Future = will  + V Infinitive ส่วน Simple = ข้ามไปเลยไม่ต้องคิดถึงอะไร, Continuous = be  + Ving และ Perfect = have  + V3 *จำไว้เสมอว่า อยู่ๆ Verb จะเปลี่ยนเป็น Ving ไม่ได้ ต้องมี Be (be, is, am, are, was, were, been) เป็นตัวแปรที่ทำให้เป็น Ving ได้ เช่นเดียวกันกับ V3 ที่ต้องมี Have (have, has, had) เป็นตัวแปร พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นของคู่กัน Be + Ving และ Have + V3 *Continuous กับ Progressive คืออันเดียวกัน แล้วแต่ว่าตำราจะเลือกใช้คำไหน เมื่อจำได้แล้วให้ทำขั้นตอนดังนี้ 1. เขียน Tense ทั้งหมด 2. เมื่อได้เขียน Tense ทั้งหมดแล้ว นำสิ่งที่จำ 6 อย่างมาใช้เพื่อเขียนโครงสร้าง โดยให้เริ่มเขียนประธาน (Subject) ก่อน จากนั้นดูจากข้างหลังมาข้างหน้า แล้วจะได้โครงสร้าง เช่น เขียน Subject ก่อน   (โดยจะใช้สีเพื่อแบ่งข้างหน้ากับข้างหลัง) Present Simple = Subject +  ดูจาก ข้าง

ชื่อของสถาบันมหาวิทยาลัย "ตีค่า" หรือ "ตราบาป" คนในสังคม?

รูปภาพ
จากกรณีธนาคารแห่งหนึ่ง ได้เปิดรับสมัครพนักงานใหม่ โดยระบุรับบัณฑิตจาก 14 สถาบันเข้าทำงานตามข่าว จนเกิดเป็นกระแสข้ามคืน และเป็นเรื่องราวดราม่าของสังคมในที่สุด แท้จริงแล้ว เป็นความคลาดเคลื่อนของข้อมูลโดยทั้งสองฝ่าย จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาด บวกกับ social network ที่แชร์และส่งต่อข้อมูล (ผิด ๆ ) ไปถึงกันอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย  สุดท้าย ทุกฝ่ายก็ปรับความเข้าใจกันไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ดี กระผมมีความคิดเห็นต่อกรณีนี้ดังนี้ ในสังคมไทย เรื่องชื่อของสถาบันที่จบมานั้นมีผลต่อการได้งาน  มันเป็นเรื่องจริงครับ  แต่มันก็ไม่ใช่ทุกองค์กร  และมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิตนะ  ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับความสามารถตัวบุคคลล้วนๆ ผมเป็นครู ลูกศิษย์ผมเรียนอยู่และจบจากหลากหลายสถาบัน  สิ่งที่ผมสอนพวกเขาเสมอคือ อย่าไปแคร์ในสิ่งที่สังคมตราหน้า  จงพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใจผิด ด้วยตัวเราเอง  แม้บางแห่งสังคมจะห่วย แต่อย่าให้สิ่งแวดล้อมห่วยๆ มากลืนกินเรา  จนเรากลายเป็น "ไอ้ห่วย" ไปด้วย ผมเองก็เคยผ่านคำดูถูกมาก็ไม่น้อย เช่น จากเพื่อนต่างคณะ