บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ English

ต่อเนื่องด้วยเรื่อง Present Continuous

รูปภาพ
What is he doing? เหมือนเดิมครับ สิ่งที่เราจะต้องรู้ในแต่ละ Tense ประกอบด้วยหัวข้อดังต่อไปนี้ โครงสร้าง การใช้ คำบอกเวลา โครงสร้างของ Present Continuous (หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive) (+)   ประโยคบอกเล่า   S + Be1 + V ing (-)   ประโยคปฏิเสธ    S + Be1 + not + V ing (?) ประโยคคำถาม  (WH) Be1 + S + V ing ?   *หมายเหตุ Be1 คือ Verb to be ช่องที่ 1 ประกอบด้วย is, am, are I ใช้กับ am You ใช้กับ are We/They และ นามพหูพจน์ ใช้กับ are He/She/It  และ นามเอกพจน์ ใช้กับ is (หลักการเติม V ing ขอยกไปบทความต่อไป) การใช้ Present Continuous  Temporary/Unpredictable/Unplanned events   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วคราว (ไม่ถาวร) เหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด หรือ วางแผนไว้ล่วงหน้า I'm working hard these days these days = ช่วงนี้ คือปกติไม่ได้หนักขนาดนี้ ช่วงนี้ที่ทำงานหนัก เหตุการณ์ชั่วคราว Look at the window! The birds are flying .  คือนกกำลังบินผ่านตอนนี้ แล้วบอกให้ทุกคนหันไปดู ปกติคือนกไม่เคยบินตรงนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดว

ความจริง คือ Present Simple อย่างไร?

รูปภาพ
สิ่งที่เราจะต้องรู้ในแต่ละ Tense ประกอบด้วยหัวข้อดังต่อไปนี้ โครงสร้าง  การใช้ คำบอกเวลา (key words) โครงสร้างของ Present Simple (+) ประโยคบอกเล่า   S + V1 (-) ประโยคปฏิเสธ    S + Do + not + V infinitive (?) ประโยคคำถาม (WH) Do + S + V infinitive ? *หมายเหตุ Do = Verb to do ประกอบด้วย do และ does WH = คำถามแบบ Informative Question ประกอบด้วย Who, What, When, Where, Why, How V1 จะต้องผันตามประธาน ถ้าประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He/She/It เป็นต้น ด้วยการเติม -s, -es โดยมีหลักการณ์ดังนี้ ….. V. ส่วนมาก เติม -s เช่น work s cook s live s V. ลงท้ายด้วย -s, -sh, -ch, -x เติม -es เช่น pass es , finish es , teach es , mix es V. ลงท้ายด้วย -y ให้ ตัด -y ออก แล้วเติม -ies เช่น carry - carr ies , study - stud ies ยกเว้นว่าหน้า -y เป็นสระ (a/e/i/o/u) ให้เติม -s ได้เลย เช่น pl a y - pl a y s , enj o y - enj o y s ส่วน go, do ให้ เติม -es เป็น go es และ do es และ have เปลี่ยนเป็น has V infinitive จะไม่ผันตามประธาน หากประโย

เด็กปีหนึ่งใช้ "Freshman" หรือ "Freshmen" ???

รูปภาพ
เมื่อก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เหล่าเด็กปีหนึ่งใสๆ ก็เลยมีชื่อเรียกแบบน่ารักๆ กันว่า "Freshy" ก็น่าจะมีที่มาจากคำว่า fresh หมายถึงความสดใส แล้วก็ใส่เสียง -y เข้าไปให้มันฟังดูน่ารักขึ้น (เฟรชชี่) แต่ภาษาอังกฤษเขาไม่เรียกกันนะครับ (ที่มีก็เป็น freshly ก็ไม่น่าเรียกกัน) ซึ่งปัจจุบันก็เปลี่ยนมาเรียกกันให้ถูกก็คือ "freshman" นั่นเอง (หรือ "fresher" แบบ British ก็ได้) แต่ทีนี้มีคำถาม ระหว่าง "freshman" กับ "freshmen" แตกต่างกันอย่างไร  และควรใช้คำไหนถึงจะถูก อย่างแรกเลยครับ freshman เป็นคำนามเอกพจน์ (singular) มีความหมายคือ นิสิต/นักศึกษา หนึ่งคน ส่วน freshmen ก็เป็นคำนามพหูพจน์ (plural) หมายถึง นิสิต/นักศึกษา หลายคน   Jack is a  freshman at Chiang Mai University. Jack and Jill are freshmen at Chiang Mai University. และมากไปกว่านั้น freshman ยังสามารถเป็น adjective ได้ด้วย เช่น We will miss our freshman year of university.   The freshman class has 1,600 students. ซึ่งมีแต่คำว่า freshman เท่านั

ภาษาอังกฤษ การซ้อมหนีไฟ ซ้อมรับมือภัยพิบัติ

รูปภาพ
A fire drill = ซ้อมหนีไฟ Disaster drill (s) = ซ้อมรับมือภัยพิบัติ Drill (n.) มีอยู่ 2 ความหมาย    1. สว่าน    2. การฝึกซ้อม (training)            *มักพบในวงการทหาร และ สำหรับการฝึกซ้อมที่ทำเป็นประจำ(ทุกปี เป็นต้น)         *ทางการศึกษา โดยเฉพาะการสอนภาษา หมายถึงการพูดซ้ำๆ เพื่อให้เกิดความจำ ถ้าเป็นการทดสอบด้วยก็จะเป็น  "Drills & Exercises" หากต้องการจะเขียนป้ายเพื่อแจ้งว่าขณะนี้มีการซักซ้อมอยู่ มีดังนี้ This is only a drill Mock disaster drill  หรือ Mock disaster drill in progress   *mock (adj.) = not real *in progress = กำลังดำเนินการ เป็นต้น ครูโจโจ้

เทคนิคจำโครงสร้าง Tense

รูปภาพ
สำหรับโพสนี้เป็น trick ง่ายๆ ที่ช่วยจำโครงสร้าง เพียงจำแค่ 6 อย่างเท่านั้น สามารถเขียนโครงสร้าง Tense ได้ทั้งหมด 12 โครงสร้างเลยทีเดียว ดังนี้ ให้จำ ว่าเมื่อพูดถึง  Present = V1, Past = V2, Future = will  + V Infinitive ส่วน Simple = ข้ามไปเลยไม่ต้องคิดถึงอะไร, Continuous = be  + Ving และ Perfect = have  + V3 *จำไว้เสมอว่า อยู่ๆ Verb จะเปลี่ยนเป็น Ving ไม่ได้ ต้องมี Be (be, is, am, are, was, were, been) เป็นตัวแปรที่ทำให้เป็น Ving ได้ เช่นเดียวกันกับ V3 ที่ต้องมี Have (have, has, had) เป็นตัวแปร พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นของคู่กัน Be + Ving และ Have + V3 *Continuous กับ Progressive คืออันเดียวกัน แล้วแต่ว่าตำราจะเลือกใช้คำไหน เมื่อจำได้แล้วให้ทำขั้นตอนดังนี้ 1. เขียน Tense ทั้งหมด 2. เมื่อได้เขียน Tense ทั้งหมดแล้ว นำสิ่งที่จำ 6 อย่างมาใช้เพื่อเขียนโครงสร้าง โดยให้เริ่มเขียนประธาน (Subject) ก่อน จากนั้นดูจากข้างหลังมาข้างหน้า แล้วจะได้โครงสร้าง เช่น เขียน Subject ก่อน   (โดยจะใช้สีเพื่อแบ่งข้างหน้ากับข้างหลัง) Present Simple = Subject +  ดูจาก ข้าง

Sport Day หรือ Sports Day?

รูปภาพ
เวลาถึงช่วงเทศกาลกีฬาสีบ้านเราทีไร  มักจะมีคำถามตลอด ตกลงภาษาอังกฤษใช้คำว่า Sport Day หรือ Sport s Day  ???? เติม -s หรือไม่เติมกันแน่???? ' Sport ' is singular (เอกพจน์) ' Sports ' is plural (พหูพจน์)  ตามปกติแล้วงานกีฬาสีย่อมมีการเล่นกีฬาที่แตกต่างหลากหลาย (variety of different sports) ดังนั้นใช้ Sports Day จึงเหมาะสมมากกว่าครับ (ถ้าหลายวันก็ใช้ Sports Days)  ส่วน Sport's Day หรือ Sports' Day ก็ ไม่นิยมใช้ครับ เพราะว่า กีฬาไม่สามารถเป็นเจ้าของของวันได้  ******* แก้ไขเพิ่มเติมวันที่ 1 ส.ค. 2019 แต่ !!!  ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นหลักการจำที่ไม่ถูกต้องครับ! เพราะตามหลักภาษาแล้วนามที่ใช้ขยายนาม หรือมีชื่อว่า Noun Modifiers (N1+N2)   ซึ่งจะเติม -s เฉพาะ N2 ซึ่งเป็นคำนามหลัก เท่านั้น โดย N1 เป็นวัตถุประสงค์ (purpose) ที่ขยาย N2 เป็นคำนามหลัก เอ .... แล้วทีนี้ทำไม sports ถึงเติม s ล่ะ???? ก็เพราะว่า sports สามารถเป็น Adj ได้ครับ!!! เช่น sports center, sports car, sports festival หรือ sports day เป็นต้น อ้างอิงจาก https://dictiona

Organizing : Topic, Supporting และ Concluding Sentences

รูปภาพ
Organizing Paragraph -   การจัดระบบการเขียนของย่อหน้า  ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงเรื่องของ  Topic Sentence Supporting Sentence และ  Concluding Sentence   ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการเขียนในแต่ละย่อหน้า  (paragraph)   Topic Sentence เป็นประโยคที่ สำคัญที่สุด ของย่อหน้า โดย มักจะเป็นประโยคแรก ของย่อหน้า (บางครั้งอาจจะอยู่กลางหรือท้ายประโยคก็ได้) ทั้งนี้ topic sentence นั้นมี เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ว่าย่อหน้า (paragraph) นี้กำลังพูดถึงประเด็นอะไร ซึ่งก็คือความคิดหลักของย่อหน้า (main idea of a paragraph)        Topic sentence ที่ดี   ต้องเป็นการแสดงความคิดเห็น (opinion) ซึ่งทำให้ผู้เขียนเองสามารถบรรยายหรือขยายความต่อไปได้ เพราะถ้าหากเป็นการนำเสนอข้อมูลความจริง (fact)  ผู้เขียนจะไม่สามารถเขียนหรือแสดงข้อมูลอะไรต่อได้อีก เช่น Potato is a vegetable. เป็น fact เพราะไม่สามารถโต้แย้งได้ มันฝรั่งมันก็เป็นพืชผักจริงๆ (หรือใครจะเถียง?) แล้วผู้เขียนจะเขียนอะไรต่อหล่ะ? Potato is good for you. เป็น opinion   ผู้เขียนสามารถบรรยายต่อไปได้ว่าข้อดีมีอะไรบ้าง เป็นต้น        วิธีสังเก

ภาษาอังกฤษ กับ มะปราง

รูปภาพ
"มะปราง" ภาษาอังกฤษคือ "Marian Plum" หรือ "Plum Mango" หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ "Gandaria" ระหว่างมะปรางสุกกับมะปรางดิบ คำว่าสุก ใช้คำว่า ripe (adj) =   developed to the point of readiness for harvesting and eating. ส่วนคำว่าดิบ สำหรับผลไม้แล้วเรามักจะใช้คำว่า green มากกว่านะครับ เพราะส่วนมากผลไม้ใดๆ ก็ตามที่ยังไม่สุกมักจะมีสีเขียว  ส่วนคำว่า raw (adj) = uncooked (ดิบ) จะใช้กับอาหารที่สามารถปรุงสุกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวกเนื้อมากกว่า เพิ่มเติมสำหรับความรู้ภาษาอาเซียนที่ใช้เรียกชื่อมะปราง ที่มาจาก wikipedia.org  Thailand  - Maprang Indonesia - Ramania และ Gandaria Myanmar - Mayun-Thee Malaysia - Kundan, Rembunia และ Setar

TOO GOOD TO BE TRUE

รูปภาพ
Photo :  lbsmsp (Mike Park) Source : Coconuts Bangkok    Too-good-to-be-true (adj) = ดีเกินความเป็นจริง การที่ใช้เครื่องหมาย (-) หรือเรียกว่า hyphen (อ่านว่า ไฮ-เฟิน) นั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่ากลุ่มคำทั้งหมดนี้เป้น adjective โดยจากเนื้อหาข่าวจะกล่าวถึง "too-good-to-be-true applicants" ซึ่งจะเห็นว่าใช้ขยายคำว่า applicants (n) = ผู้สมัคร ความหมายโดยรวมก็คือ "ผู้สมัครที่ดีเกินความจริง" พูดง่ายๆ แบบบ้านเราก็คือ "ผู้สมัครที่เวอร์" นั่นเอง หัวข้อของบทความคือ  Higher Education : American University rejects a quarter of Thai students' applicantions ซึ่งบทความนี้กล่าวถึงมหาวิทยาลัย (Higher Education = การศึกษาระดับสูง) ในสหรัฐอเมริกานั้นถอด (reject = ปฏิเสธ) ใบสมัครส่วนหนึ่ง (quarter = หนึ่งส่วนสี่) ของผู้ที่สมัครเป็นนักศึกษาที่เป็นคนไทย นักเรียนลองอ่านดูนะครับว่าเค้าเขียนคุณสมบัติแบบ too-good-to-be-true กันเวอร์ขนาดไหน แล้วก็อย่าไปทำตามล่ะ ถ้าพูดอะไรก็ต้องทำได้อย่างงั้นจริงๆ ไม่ต้อง fake ข้อมูล แบบนั้นฝรั่งเค้าไม่ชอบครับ

Every day กับ Everyday ต่างกันอย่างไร

รูปภาพ
ความแตกต่างระหว่าง  Every day กับ  Everyday "I read the newspaper  every day ,  but it mostly filled with  everyday  stories." ทั้งสองคำนี้ ดูผิวเผินอาจจะคิดว่าเหมือนกัน จริงๆ แล้วมีความหมาย และ การใช้ที่แตกต่างกัน Every day แบ่งเป็นคำ 2 คำ คือ         every ที่เป็น adjective ขยาย noun ก็คือ  day นั่นเอง        อย่างไรก็ดี  every day   นั้นเป็น Adverb of Frequency          เพื่อบอกความถี่หรือความบ่อย  จึงหมายความว่า  ทุกๆ วัน   (ของแต่ละวัน;  each day ) ถ้าหากต้องการตรวจสอบว่าใช้ถูกหรือไม่ ให้เราใช้คำว่า each day แทน every day ก็จะมีความหมายที่คล้ายกัน ดังตัวอย่าง I read books every day .     =   I read books each day . ฉันอ่านหนังสือ ทุกๆ วัน                                                           ฉันอ่านหนังสือ ในแต่ละวัน Every day I'm very happy  =   Each day I'm very happy. ทุกๆ วัน ฉันมีความสุขมาก                                                       ในแต่ละวัน ฉันมีความสุขมาก Everyday เป็น 1 คำ เป็น  adjective        ความห

Congratulation VS Congratulations ต่างกันอย่างไร

รูปภาพ
คำว่า Congratulation กับ Congratulations แตกต่างกันอย่างไร ช่างสับสนกันเหลือเกินครับ บ้างก็ว่าเติม -s บ้างก็บอกไม่เติมก็ได้ ???  ทีนี้เรามาดูความหมายของคำทั้ง 2 คร่าวๆ ดังนี้นะครับ  Congratulation (n.) The act of expressing joy or acknowledgment, as for the achievement or good fortune of another. An expression of such joy or acknowledgment. Often used in the plural. (From  http://www.thefreedictionary.com ) Congratulations (pl. n.) expressions of pleasure or joy; felicitations (From  http://www.thefreedictionary.com ) used when you want to congratulate somebody (From Besta Advanced Learner E-Dictionary) สรุปได้ว่าคำว่า Congratulation เป็น "the act"   of expressing joy or acknowledgement   คือการกระทำเพื่อแสดงความยินดี ส่วน Congratulation s ที่เป็นพหูพจน์ เป็น   the actual  "expressions" of pleasure,   approval or commendation   คือ การการพูดเพื่อแสดงความยินดี ที่มักจะใช้กันครับ และด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง การแสดงความยินดีก็คือ การให้พร